ติดตั้ง EV CHARGER ยังไงให้ปลอดภัย?
![](https://thaievcharge.com/wp-content/uploads/2024/01/BrochurePicture2.jpg)
![](https://thaievcharge.com/wp-content/uploads/2024/01/BrochurePicture2.jpg)
1.) ห้าม ใช้เต้ารับชนิดหยิบยกได้ (PORTABLE SOCKET OUTLET) ในการจ่ายไฟให้เครื่องชาร์จ หรือเรียกกันทั่วไปว่า ปลั๊กพ่วง ห้าม ใช้โดยเด็ดขาด
2.) สายป้อนและสายเมนของเครื่องชาร์จ กำหนดค่า DEMAND FACTOR เท่ากับ 1.0
3.) สายวงจรย่อย ของเครื่องชาร์จ กำหนดค่า DEMAND FACTOR เท่ากับ 1.25
4.) ต้องมีสายดินและมีการต่อสายลงดินที่ถูกต้องและมีค่าความต้านทานดินไม่เกินมาตรฐานที่กำหนดไว้
5.) ต้องมีเครื่องตัดไฟรั่ว เพื่อป้องกันอันตราย โดยมีรายละเอียดดังนี้
5.1 อุปกรณ์ตัดไฟรั่ว RCD TYPE B สามารถตัดไฟรั่ว AC ที่ ≤ 30 mA. และ DC ที่ <6 mA.
5.2 อุปกรณ์ตัดไฟรั่ว RCD TYPE A สามารถตัดไฟรั่ว AC ที่ ≤30 mA. และมีฟังช์ชั่นการตรวจจับ การรั่วไหลไฟของ DC ที่ <6 mA.
ข้อที่ 5 นี้สำคัญเพราะหลายแบรนด์ไม่มีโหมดป้องกันไฟรั่ว DC <6 mA. ต้องติดตั้งเพิ่มเติมทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม DC FAULT CURRENT นี้มักเกิดกับอุปกรณ์ที่เป็นวงจรของ CONVERTER คือวงจรสำหรับแปลงไฟฟ้าจาก AC เป็น DC เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ที่มีการติดตั้งใช้ในรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถไฟฟ้า การรั่วของ DC FAULT CURRENT นี้ไม่ได้ทำอันตรายโดยตรงมาที่คนครับแต่จะมีผลต่อ RCD TYPE A ซึ่งทำให้ทำงานผิดพลาดจากที่ควรจะเป็น ซึ่งช่างไฟฟ้าเรียกกันว่าทำงานหลุด CURVE
ในกรณีของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดหรือรถไฟฟ้าที่ยังใหม่ๆอยู่ปัญหาของ DC FAULT CURRENT อาจไม่มากนัก แต่คิดดูครับว่า รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถไฟฟ้าที่ใช้งานในบ้านเราต้องเจอความร้อนเกิน 30 Co,ฝน,น้ำท่วม,ความชื้น เพราะฉะนั้นเมื่อผ่านไปเป็นปีอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์เหล่านี้ย่อมเกิดการเสื่อมสภาพได้ อีกทั้งรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถไฟฟ้าก็มีการชาร์จไฟฟ้าในโรงรถที่บ้าน ถ้ามีไฟรั่วเกิดขึ้นย่อมอันตรายต่อผู้พักอาศัยเช่น คุณพ่อ , คุณแม่ , ลูก , หลานและผู้คนที่ต้องผ่านเข้าไปในบริเวณที่จอดรถนั้นๆ ดังนั้นจึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะละเลยไฟรั่วทั้ง 2 แบบ ทั้ง AC และ DC