รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ได้มีดีแค่ประหยัดน้ำมัน !
รถยนต์ไฟฟ้าดีไหม ? หลายคนทราบดีว่าใช้รถยนต์ไฟฟ้านั้นทำให้ไม่ต้องเสียเงินเพื่อแลกกับการเติมเชื้อเพลิงที่มีราคาผันผวน และหลายคนยังคงเคยชินกับการใช้รถพลังงานน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติอยู่ แม้ว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าคันแรกของโลกเกิดขึ้นมาหลายร้อยปีแล้ว แต่ในปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความสนใจและพัฒนาอย่างจริงจัง เนื่องจาก ปัญหามลภาวะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะปัญหาโลกร้อนที่เป็นปัญหาระดับโลกและปัญหาเจ้าฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของมนุษย์ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศก็คือควันจากท่อไปเสียรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ทำให้หลายประเทศทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติมากขึ้น เพราะรถยนต์ไฟฟ้าหรือ รถ EV (Electric Vehicle) นั้นมีอีกเพียบไปดูข้อดีของเจ้ารถยนต์ไฟฟ้ากันได้เลย
1. ความเจ๋งของกลไกในการขับเคลื่อน
เครื่องยนต์ทำงานเงียบ ไม่มีเสียงรบกวน มาพร้อมกับอัตราเร่งที่ได้ดั่งใจ รถยนต์ไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่สู่มอเตอร์เพื่อทำการขับเคลื่อน โดยที่ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์สันดาป ภายในจึงไม่ก่อให้เกิดการเผาไหม้ทำให้เสียงของการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้านั้นเงียบกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงหลายเท่า และสามารถทำให้มีอัตราเร่งเป็นไปได้อย่างที่ใจต้องการ แถมยังออกตัวได้ไวอีกด้วย เพราะไม่มีขั้นตอนการทดเกียร์อีกต่อไป จึงทำให้รถยนต์สามารถตอบสนองในการขับขี่ได้ตามความต้องการของผู้ขับ
อีกทั้งเหมาะสำหรับการขับในเมืองอย่างมากเพราะปัญหารถขยับสลับกับการหยุดนิ่ง รถไฟฟ้านั้นตอบโจทย์ได้ดีที่สุด
2. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การขับรถไฟฟ้า เป็นการที่ไม่ต้องจุดระเบิดเพื่อขับเคลื่อน ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ เพราะไม่มีไอเสียจากการเผาผลาญพลังงาน เนื่องจากไม่ต้องใช้น้ำมัน หรือก๊าซในการเผาไหม้ อย่างเช่นเครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้แบบสันดาป จึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้าแทบจะไม่ปล่อยมลพิษออกมาเลย ปัญหาภาวะโลกร้อนนั้นมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การเลือกขับรถยนต์ไฟฟ้าคือการทำให้โลกมีความน่าอยู่มากยิ่งขึ้น เป็นความพยายามในการรักษาสิ่งแวดล้อม และสร้างโลกที่มีมลพิษน้อยลงสำหรับคนรุ่นหลัง นอกจากนั้นยังขับเคลื่อนด้วยความเงียบจึงช่วยลดมลภาวะทางเสียงได้อีกด้วย สำหรับโลกที่กำลังประสบกับปัญหาสภาวะโลกร้อน รถยนต์ไฟฟ้าคือทางเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับการลดมลภาวะของโลก เมื่อไม่มีการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ที่ก่อให้เกิดไอเสียและมลภาวะทางอากาศที่นำไปสู่ภาวะโลกร้อน เช่นควันไอเสียของรถยนต์ก็จะหายไป
3. ประหยัดค่าซ่อมบำรุง
การเกิดปัญหาสึกหรอต่ำ เพราะรถไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ ใช้พลังงานไฟฟ้ามาแทนที่ของน้ำมันเชื้อเพลิงทำให้ไม่ต้องพึ่งเครื่องยนต์ จึงไม่จำเป็นต้องคอยซ่อม คอยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง บำรุงกลไกต่างๆ อย่างในเครื่องยนต์สันดาป ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าหัวเทียน ปั๊ม วาล์ว กรองน้ำมัน และชิ้นส่วนเล็กๆ ใหญ่ๆอีกมากมายที่จะทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาน้อยกว่า และดูแลง่ายกว่า ไม่ต้องเสียเวลานำรถยนต์เข้าบำรุงรักษาบ่อยๆอีกด้วย แต่ปัญหาเดียวของรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องกังวลก็คือ การบำรุงรักษาแบตเตอรี่
4. ประหยัดเวลา
ไม่ต้องใช้เวลาไปกับการขับรถไปเติมน้ำมัน หรือต้องรอคิวเพื่อเติมน้ำมันให้เป็นปัญหากวนใจ แต่กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้น สามารถชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าได้ที่บ้านของคุณเอง ซึ่งสามารถชาร์จได้ระหว่างที่นอนหลับ และเมื่อตื่นเช้ามารถยนต์ไฟฟ้าก็จะพร้อมใช้งาน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียเวลาหาสถานีบริการน้ำมันหรือเสียเวลากับการต่อคิวเติมน้ำมันตอนราคาลดลงอีกต่อไป และในปัจจุบันมีหลายหน่วยงาน ที่ให้ความสำคัญกับการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า จึงได้เห็นสถานีชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอยู่หลายจุดทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล
5. ประหยัดค่าเชื้อเพลิง
รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้านั้นช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิงอย่างมาก ต้นทุนต่อกิโลเมตรในการขับรถยนต์ไฟฟ้าต่ำกว่ารถที่ใช้น้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง อีกทั้งยังสามารถชาร์จไฟได้เองที่บ้าน หรือสถานีชาร์จไฟ แถมยังไม่ต้องกังวลหากราคาน้ำมันหรือก๊าซจะผันผวน ถูกแพงตามแต่ช่วงของราคาน้ำมันที่ต้องนำเข้ามา แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับรถที่ใช้น้ำมัน จะเห็นว่าราคาของรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มที่เริ่มจะถูกลงเรื่อยๆ และเนื่องจากพลังงานของรถยนต์ไฟฟ้ามาจากการชาร์จประจุไฟฟ้าเข้าไปที่ตัวแบตเตอรี่ ทำให้อัตราค่าใช้จ่ายเรื่องเชื้อเพลิงของรถไฟฟ้าก็ถูกกว่าเชื้อเพลิงน้ำมันเช่นกัน นอกจากนั้นในหลายๆประเทศยังอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยการติดตั้งจุดชาร์จฟรีในที่ทำงานหรือห้างสรรพสินค้า
6. อาจมีมาตรการลดหย่อนภาษีจากรัฐ
ในปัจจุบัน รัฐบาลมีนโยบายที่ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการรถยนต์ไฟฟ้า เช่นการงดเว้นภาษี ในอนาคตนั้นหากรัฐต้องการจะส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจังก็อาจจะมีมาตรการด้านภาษีเข้ามาช่วยจูงใจประชาชนให้หันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นก็เป็นได้