ZS EV รถไฟฟ้า MG ที่คว้ารางวัลมาเพียบ มีอะไรดีบ้าง ?
ZS EV รถไฟฟ้า MG ที่คว้ารางวัลมาเพียบ รถยนต์ไฟฟ้าล้วนตัวแรกจาก MG ที่เปิดตัวมาเมื่อปี 2019 และได้ผลตอบรับมาอย่างต่อเนื่อง กวาดรางวัลมามากมายในปี 2020 ได้แก่
- รางวัล Car of The Year 2020 ประเภทรางวัล “The Most Valuable EV Car” จัดโดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
- รางวัล Thailand Car Marketing Awards 2020 ประเภทรางวัล “Top EV Sales Award 2019 ผู้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารวมสูงสุด ประจำปี 2562” จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย
- รางวัล Product of the Year Awards 2020 สุดยอดสินค้าแห่งปี 2563 ประเภทรางวัล “ยานยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี” ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า จัดโดย นิตยสาร Business+ ร่วมกับวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล
- รางวัล Siamrath Online Award 2020 ประเภทรางวัล “รถยนต์นวัตกรรมยอดเยี่ยม” จัดโดยบริษัท สยามรัฐ จำกัด ร่วมกับ บริษัท แสนรู้ จำกัด
เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มียอดขายมากที่สุด โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,190,000 THB เท่านั้น ที่ทาง MG มี concept เน้นความง่ายๆในทุกด้านๆ เพราะมากับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่มีความอัจฉริยะและความปลอดภัยในการขับขี่
เทคโนโลยี i-SMART เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของรถยนต์ MG ที่สามารถเรียนรู้การใช้งานของผู้ขับขี่ พร้อมแอพพลิเคชันที่ช่วยให้ชีวิตง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และหัวใจสำคัญอย่างมอเตอร์ไฟฟ้า NEW MG ZS EV นั้นมีแรงบิดมหาศาล ด้วยกำลัง 110 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 150 แรงม้า และอัตราเร่งที่รวดเร็วถึง 350 นิวตัน-เมตร
มีการขับขี่ด้วยกันถึง 3 Modes
- Eco : เป็นโหมดประหยัดพลังงาน มีอัตราเร่งนุ่มนวลและพวงมาลัยเบา
- Normal : เป็นโหมดเหมาะกับสไตล์การขับขี่ทั่วไป น้ำหนักของพวงมาลัยสมดุล
- Sport : สำหรับผู้ที่ชอบความเร็ว โหมดนี้ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม
- ความยาว (มม.) 4,314 ความกว้าง (มม.) 1,809 ความสูง (มม.) 1,624 ระยะช่วงล้อ (มม.) 2,585
รูปลักษณ์ที่โดดเด่น ในแบบ SUV ที่มีความหรูหรา สมาร์ท และภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุ Soft Touch ซึ่งให้ความสปอร์ต และพื้นที่กว้างขวาง การชาร์จไฟด้วย Quick Charge 30 นาที (จาก 0% – 80%) และ Normal Charge 6.5 ชั่วโมง (จาก 0% – 100%) และไม่ต้องห่วงเรื่องสถานีการชาร์จไฟเลยเพราะทาง MG เปิดให้บริการ MG Super Charge สำหรับผู้ใช้บริการรถยนต์ไฟฟ้า MG โดยเปิดสถานีชาร์จแบบ DC หรือ Quick Charge นั่นเอง ปัจจุบันติดตั้งแล้วถึง 108 แห่ง (ข้อมูล ณ มีนาคม 2564) และมีแผนจะติดตั้งอีก 500 จุดทั่วประเทศ เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมและลดค่าใช้จ่ายน้ำมันแล้ว การหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้านั้นเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์อย่างมาก